23 กรกฎาคม 2556


บี้ศาลรัฐธรรมนูญปมสมาชิกภาพมาร์ค 
เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
          เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงว่าได้เตรียมยื่นหนังสือต่อนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อการพิจารณาคดีถอดถอนสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องให้ถอดสมาชิกภาพ ตามที่กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งถอดยศนายทหารของนายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้การถอดยศดังกล่าวถือเป็นเหตุที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106(5) ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 102 ที่ว่าด้วยบุคคลที่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ ห้ามไม่ให้ใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
          ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไป เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทุกอย่างดำเนินไปตามกระบวนการขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ ควรปล่อยให้เป็นอิสระของศาล การกดดันด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดี อยากให้นพ.เหวงหัดปล่อยวางบ้าง ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอป่านนี้คดีคงเสร็จตามความประสงค์ของ นพ.เหวงไปนานแล้ว.
ปชป.รุกกลับ "ธาริต-เฉลิม" ฟ้องอาญา 44 คดีพ่วงป.ป.ช. 
ASTVผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
             
          ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป.ให้บทเรียน "ธาริต"เดินหน้าฟ้องศาลอาญา 44 คดี พ่วงร้อง ป.ป.ช.-ศาลปกครอง ฟัน "เหลิม" นั่งประธานดีเอสไอ ดันคดีเงินบริจาคพรรค เป็นคดีพิเศษ จี้ดีเอสไอ ยุติสอบคดี หลังกกต.การันตีส.ส.บริจาคเงินเข้าพรรคไม่ผิด
          วานนี้ (18 ก.ค.) เวลา 11.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีมติให้ยุติการพิจารณาคดีการหักบัญชีเงินเดือน ส.ส. เพื่อบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า คดีนี้ ดีเอสไอ ไม่มีอำนาจสอบ และเมื่อ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบโดยตรงสั่งยุติคดีนี้แล้ว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ควรยุติที่จะพิจารณาคดีนี้ ไม่ควรดันทุรังสอบต่อเพื่อเอาใจใครบางคน เพราะผลกรรมก็จะตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ต้องเลือกระหว่างความถูกต้องหรือจะเลือกเข้าคุก ตนอยากให้นายธาริต เรียกพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีนี้มาประชุมร่วมกันและอ่านหลักธรรมาภิบาล เรื่องหลักคุณธรรม และนิติธรรมให้ทุกคนฟัง เพื่อที่คนอ่านจะได้สำนึกว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องด้วยหลักกฎหมายและขัดต่อหลักนิติธรรม สวนทางคำขวัญของดีเอสไอว่า ต้องดูแลความสุขของคนไทย ด้วยหลักนิติธรรม
          "พรรคประชาธิปัตย์ จะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายธาริต ทั้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลอาญา และศาลปกครอง โดย จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายธาริต และ พ.ต.อ.นิรันดร์อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หาก ป.ป.ช.พบว่า มีความผิดจะมีโทษทั้งจำและปรับ ที่สำคัญจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ด้วย จากนั้น 44 ส.ส.ของพรรค ที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้ จะแยกกันยื่นฟ้องนายธาริต ต่อศาลอาญา และจะยื่นฟ้องคณะกรรมการคดีพิเศษที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในขณะที่เป็นอดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการดีเอสไอ ต่อศาลปกครอง แม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะอ้างว่าไม่ได้ร่วมลงมติให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่เรามีหลักฐานชัดว่า ร.ต.อ.เฉลิม นั่งเป็นประธานในการประชุมครั้งนั้นด้วย ดังนั้น หลังจากนี้ไป นายธาริตจะต้องขึ้นศาลอีกหลายคดี" นายราเมศ กล่าว
          ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการหารือกับ นายบัญญัติบรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อให้สอบสวน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการหักบัญชีเงินเดือนของ ส.ส.บริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่า นายบัญญัติ เห็นว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง เห็นว่า การกระทำของ ส.ส.ไม่ผิดกฎหมายจึงควรจะชะลอเรื่องการร้องต่อ ป.ป.ช.เอาไว้ก่อนเพราะถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ และจะทำหนังสือแจ้งข้อมูลใหม่นี้ ไปยังประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้ถูกโยกไปเป็น รมว.แรงงานแล้ว โดยการทำหนังสือดังกล่าวจะขอให้ประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ยกเลิกมติการให้คดีเงินบริจาคเป็นคดีพิเศษ แต่หากประธานฯ คนใหม่ ยังไม่ดำเนินการใดๆ นายบัญญัติ ก็จะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ต่อไป