07 กรกฎาคม 2554

ปชป ตอบโต้ จาตุรนต์ ฉายแสง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง ได้แถลงข่าวตอบโต้
ประเด็นกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้กล่าวว่า
ที่คุณชวน บอกว่า ส.ส. ปัจจุบันซื้อเสียงเกินกว่าครึ่ง แผ่นเสียงตกร่องตลอด ถ้าประชาธิปัตย์ได้เสียงเกินครึ่งเมื่อไหร่คุณชวน คงพูดใหม่ว่า ส.ส. ซื้อเสียงเกือบครึ่ง แต่ที่ไม่ได้พูดซักทีเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้เสียงมากๆอย่างนั้น คุณชวน ถนัดหาเสียงด้วยวิธีพูดแบบนี้มาหลายสิบปีไม่มีเปลี่ยนและที่ไม่เปลี่ยนเลยคือพูดเรื่องนโยบายและปฏิรูปไม่เป็นเลยตามไม่ทันประชาชน

ขอเรียนว่า ผม นายราเมศ รัตนะเชวง ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปร่วมหาเสียงกับ ท่านชวน ด้วยในวันที่ท่านชวน ปราศรัย ท่านได้ปราศรัยว่า ณ. ช่วง ๗๙ ปี ที่ผ่านมา การเมืองไทยมีการพัฒนาไปอย่างมากประชาชนตื่นตัวมากขึ้น นักการเมืองก็มีความรู้หลากหลายอาชีพ ประเทศได้รับการพัฒนาก้าวหน้าไม่ด้อยกว่าใครในอาเซียน แต่ในท่ามกลางสิ่งที่พัฒนาขึ้นนั้น ก็มีสิ่งที่เลวร้ายด้วย คือที่มาของนักการเมืองรุ่นก่อน เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว ที่อื้อฉาวที่สุด ก็คือการแจกปลาทูเค็มจะไม่มีข่าวเรื่องการซื้อเสียงแต่ ณ. ช่วงหลังนี้ปัญหาทุจริตซื้อเสียงมากขึ้น พูดได้ว่าในสภาผู้แทนมีผู้ที่มาจากการซื้อเสียงเกินครึ่งและเมื่อนักการเมืองมาจากการซื้อเสียงก็จะทุจริตเพื่อหาเงินมาซื้อเสียงต่อไป ซึ่งเกิดวงจรชั่วร้ายขึ้นข่าวเรื่องการทุจริต แต่ในช่วงหลังมีการซื้อเสียงกันมากขึ้น นายชวนยังกล่าวว่าอย่าไปเชื่อว่านักการเมืองเลวหมดทุกคน ทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดี นายชวนไม่ได้กล่าวว่าเป็นพรรคการเมืองใด ไม่เคยพูดถึงว่าเป็นนักการเมืองของพรรคใด แต่นายชวนพูดตามความจริงที่ท่านได้พบเห็นเพราะท่านเป็น ส.ส. มานานกว่าใครในสภาขณะนี้ พวกที่ซื้อเสียงเพื่อให้ชนะการเลือกตั้งเมื่อได้ฟังก็ร้อนตัวเป็นเรื่องธรรมดา


คอรัปชั่นจึงเกิดขึ้นมาก นายชวนจึงเรียกร้องให้ประชาชนเจ้าของประเทศช่วยกันตัดวงจรอุบาทว์นี้ โดยอย่าเลือกคนซื้อเสียงไม่ว่าจะอยู่ในพรรคใดก็ตาม ถ้าพิจารณาดูจากคำพูดหน้านี้ผมไม่เห็นนายชวนได้ระบุบุคคลใดหรือพรรคใดแต่พูดในหลักการของความเป็นจริงซึ่งคนที่ไม่ได้ประพฤติเช่นนี้ก็คงเห็นด้วย แต่คนที่อยู่ในกลุ่มพวกซื้อเสียงก็คงจะไม่ชอบ


ส่วนที่นายจาตุรนต์ กล่าวหาว่านายชวน หาเสียงโดยพูดเรื่องนโยบายและการปฏิรูปไม่เป็นเลยตามไม่ทันประชาชน ขอเรียนว่า นายชวน เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ๒ สมัย เรื่องนโยบายและการปฏิรูปมีมากมายเกินกว่าที่นายจาตุรนต์ จะจดจำได้หมดและนายชวนไม่ได้พูดอย่างทำอีกอย่าง


นโยบายที่นายชวน และพรรคประชาธิปัตย์คิด ไม่ได้เป็นนโยบายที่ฉาบฉวย แต่เป็นนโยบายที่ทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง หลักการคิดเรื่อง ๓ หลักกระจาย ไม่ว่าจะเป็น การกระจายรายได้ กระจายโอกาส และกระจายอำนาจ เป็นแนวทางที่นายชวนใช้ตั้งแต่เริ่มเป็นรัฐบาลเป็นผลดีต่อบ้านเมืองจนทุกวันนี้ทุกนโยบายที่นายชวนวางไว้เป็นผลดีต่อบ้านเมือง เป็นนโยบายในการปฏิรูปบ้านเมืองทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น


- การกระจายอำนาจให้มีการปกครองท้องถิ่นรูปแบบใหม่คือ อบต.


- การมอบสิทธิการศึกษาพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า ๑๒ ปีแก่เยาวชนไทย


- กองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา


-โครงการดื่มนมฟรี


-โครงการเบี้ยยังชีพ


-จัดตั้งโรงพยาบาลประจำอำเภอทั่วประเทศ


-จัดทำโครงการขยายถนน 4 ช่องทางจราจรไปทั่วทุกภูมิภาคเป็นครั้งแรกไปภาคเหนือ ไปภาคอีสาน ไปภาคตะวันออก และไปภาคใต้ โครงการเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์และได้ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมหลักของประเทศจนถึงปัจจุบัน


และอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลนายชวน แทบทั้งสิ้นและมีผลมาถึงปัจจุบัน


โครงการเบี้ยยังชีพ ที่เกิดขึ้นสมัย นายชวน ประชาชนจำได้ แต่แปลกที่นายจาตุรนต์ จำไม่ได้ ตอนรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนถึงไม่เพิ่มเบี้ยยังชีพให้กับพี่น้องประชาชนแม้แต่บาทเดียว เพิ่งมาคิดเกทับเพิ่มให้ตอนหาเสียงช่วงนี้


การปฏิรูปบ้านเมืองนายชวน ยึดถือประชาชนเป็นหลัก ปฏิรูปไปตามกฎหมายบ้านเมืองนโยบายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองยังยั่งยืน นายชวนไม่ทำด้วยวิธีการนอกกฎหมายภาคใต้จึงสงบเรียบร้อยมาลุกเป็นไฟเมื่อรัฐบาลนายจาตุรนต์ ใช้วิธีอุ้มฆ่าเสียหายมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้คนตายไปแล้วกว่า ๔,๔๐๐ คน ถ้ายึดนโยบายนายชวนคือยึดหลักแก้ไขปัญหา ภายใต้กฎหมายปัญหาภาคใต้ก็จะไม่เกิดรุนแรงขึ้นอย่างปัจจุบันนี้ อนึ่ง นโยบายกับการกระทำต้องไปด้วยกันนายชวนยึดนโยบายประชาธิปไตยจึงเคารพกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ไม่ใช่ปากประชาธิปไตยใจเป็นเผด็จการไม่เคารพวิธีการตามกฎหมาย ในยุคนายชวนจึงไม่เกิดวิกฤติของบ้านเมือง


พรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดปฏิรูปการเมืองโดยการออกกฎหมายเพื่อลบล้างความผิดให้กับใคร ไม่คิดปฏิรูปโดยการฆ่าตัดตอนสงสัยใครยิงทิ้งฆ่าทิ้ง นายชวนคิดถึงประชาชนทุกคน จังหวัดทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีนโยบายว่าประชาชนจังหวัดไหนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ จะพัฒนาจังหวัดนั้น


และอยากเตือน นายจาตุรนต์ ด้วยความเป็นห่วงว่า อยากให้พูดความจริงอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยคำพูด ไม่เช่นนั้นคุณค่าในตัวของนายจาตุรนต์ก็จะหมดลงเรื่อยๆ นายชวนเป็นต้นแบบของนักการเมืองทุกคำพูด ทุกการกระทำ ล้วนแล้วแต่มุ่งไปสู่สิ่งที่ดีที่ถูกต้อง แม้ว่านายจาตุรนต์จะอยู่คนละพรรคแต่การเอาแบบอย่างที่ดีเป็นสิ่งสมควรที่นายจาตุรนต์น่าจะพึงทำ